วันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2556

ไปสัมภาษณ์งานไม่ควรทำอะไรบ้าง


1. แต่งตัวไม่น่าเชื่อถือ
         ถ้าไม่ได้จบมาจำพวกดีไซน์ อย่าได้ริแต่งตัวเซ่อๆไปเชียว เห็นแค่การแต่งตัวเค้าก็ไม่รับเข้ามาทำงานแล้ว ควรแต่งตัวสุภาพตามมารยาทสังคมเพราะที่นี่เป็นบริษัทสำหรับทำงาน ต้องการความน่าเชื่อถือ ไม่ใช่ที่บ้านที่จะแต่งตวอย่างไรก็ได้


2) ชุดวาบหวิว

          การแต่งตัวสำหรับผู้หญิงไม่ควรสวมกระโปรงสั้นโชว์เรียวขาคู่งาม เสื้อคอลึกแบบก้มทีหกเรี่ยราด เสื้อรัดติ้วเป็นแหนมโชว์สัดส่วนเป็นมัดๆ เสื้อสั้นโชว์สะดือให้เห็น(พุง)แพลมๆ การแต่งกายแบบนี้ของท่านนั้นดึงดูดสายตาผู้คนเป็นอย่างยิ่ง ถ้าตำแหน่งที่ท่านสมัคร ไม่ใช่ตำแหน่งที่ต้องใช้เสน่ห์และความงามส่วนบุคคลประกอบการทำงานอย่าง เช่นตำแหน่งโคโยตี้ ก็ไม่ควรใส่ไป 


3) ชุดนิสิต 
        ถ้าแต่งชุดนักศึกษามาสมัครหรือสัมภาษณ์งานในขณะที่กำลังเรียนอยู่ก็ยังโอเค แต่ถ้าคุณเรียนจบแล้วหรือเกรดเทอมสุดท้ายออกหมดแล้ว ชุดนี้กลับไม่ควรใช้เป็นอย่างยิ่ง เพราะชุดนี้มันแสดงต่อผู้สัมภาษณ์ว่าคุณยังเป็นนักศึกษาอยู่ ยังไม่พร้อมที่จะทำงานครับ 


4) แต่งตัวเกินเหตุ
         แต่งตัวควรให้แต่งอย่างพอเหมาะพอควร สุภาพสตรีบางท่านแต่งหน้ามาซะเข้ม อย่างกะจะไปเดินแฟชั่นโชว์เครื่องสำอาง หรือการแต่งตัวที่ไม่เหมาะกับบุคลิกตัวเองก็ไม่สมควรเช่นกัน
 


5) ไม่เตรียมเอกสารมาให้ครบ

         ถือเป็นจุดบอดอันร้ายแรง เพราะถ้าแค่นี้คุณยังพลาดแล้วเวลาทำงานสำคัญๆกว่านี้ล่ะจะไม่พลาดเชียวหรือ และถ้ามีคุณสมบัติในตำแหน่งที่เล็งไว้พอๆกัน แต่คนนึงเตรียมของมาพร้อมอีกคนขาดเขาจะเลือกใครล่ะ คิดเอาแล้วกัน


6) ไม่สนใจตอบคำถามผู้สัมภาษณ์

          หลายๆคนคิดว่าตัวเองจบมาดี การศึกษาดี ยังไงๆเค้าก็ต้องรับอันนี้ก็ขอให้เปลี่ยนความคิดใหม่ เพราะการทำงานไม่ได้สนแค่ความเก่งอย่างเดียว เค้าสนการทำงานเป็นทีม การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มนุษยสัมพันธ์ด้วย

วันเสาร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2556

การตอบคำถามสัมภาษณ์งาน

ปกติการสัมภาษณ์งานจะมีรูปแบบไม่กี่อย่าง คำถามที่มักถูกใช้และแนวทางการตอบได้แก่


  • แนะนำตัวเอง
    • ก็เล่าคร่าวๆมีประสบการณ์อะไรบ้าง จบจากที่ไหน ชอบทำอะไร 
  • ทำไมถึงอยากย้ายมาทำงานที่นี่
    • อย่าพูดถึงข้อเสียของที่เก่า ควรหลีกเลี่ยงเป็น อยากเปลี่ยนบรรยากาศการทำงาน และได้งานที่แปลกใหม่กว่าเดิม
  • คุณคิดว่าคุณจะทำอะไรเพื่อบริษัทได้บ้าง
    • ลองเล่าความสามารถหรือผลงานดีเด่นจากที่เก่า
  • ข้อเสียของคุณคืออะไร
    • ให้ตอบเลี่ยงไปให้ดูดี เช่น บอกว่ามีสมาธิสูงจนบางทีไม่ได้ยินคนอื่นเวลาตั้งใจทำงานมากๆ
  • ถ้าถูกวิจารณ์จะรู้สึกอย่างไร
    • ตอบไปว่าจะรับฟังและพยายามปรับปรุงตัวเองให้ดียิ่งๆขึ้นไป แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะฟังไปทั้งหมด จะนำมาวิเคราะห์ที่ละอย่างก่อน เป็นต้น
  • ถ้าต้องทำงานล่วงเวลาโอเคไหม
    • ไม่ควรเกี่ยงการทำงานล่วงเวลา ให้ตอบไปว่าได้ แต่ถ้ามีธุระและงานไม่เร่งจริงๆก็ขอกลับ
  • มองภาพตัวเองอีก 10 ปีข้างหน้าไว้อย่างไร
    • อันนี้ให้พยายามพูดถึงตัวเองกับตำแหน่งงานที่บริษัทในอนาคต
  • ทำไมที่ทำให้คุณอยากทำงานที่นี่
    • ตอบไปตามความจริง เช่นสวัสดิการดี
  • อยากได้เงินเดือนเท่าไหร่
    • ตอบไปตามความสามารถของคุณ แถมท้ายด้วยกันกานต่อรองลงมา
  • คำถามสุดท้ายคุณมีอะไรจะถามไหม
    • ลองคิดคำถามดีๆไปถามเค้าดูบ้าง เช่น โอกาสการก้าวหน้าที่บริษัทนี้ บรรยากาศการทำงานเป็นอย่างไร

วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2556

เทคนิคสัมภาษณ์งาน


หลายๆคนจะไปสัมภาษณ์งาน ไม่รู้จะเตรียมตัวอย่างไรดีเพื่อให้เค้าจ้างทำงานในบริษัทนั้นๆ วันนี้ของแนะนำวิธีการเตรียมตัวเล็กน้อยดังนี้

  1. หาข้อมูลบริษัทที่ไปสัมภาษณ์ 
    • หาข้อมูลจากคนที่ทำงานอยู่ในบริษัทนั้น ซึ่งจะได้ข้อมูลที่ลึกมากกว่าที่จะไปนั่งหาเองเอง
    • ค้นหาจาก google โดยค้นหาด้วยชื่อบริษัท
    • วันสัมภาษณ์ลองคุยเกี่ยวกับข้อมูลของบริษัทที่คุณมี และขอความเห็นจากผู้สัมภาษณ์
  2. รู้จักตัวเอง
    • ดูนิสัยว่าเหมาะกับงานแบบไหน และกับบริษัทที่มีวัฒนธรรมแบบไหน
    • ความสามารถที่มีเหมาะกับตำแหน่งงานนั้นหรือไม่
  3. นำเสนอแต่ส่วนดีของตัวเอง
    • เล่าส่วนที่ตัวเองถนัดในงาน เช่น รอบคอบ 
    • หลีกเลี่ยงกาจตอบคำถามประเภทข้อเสียด้วยการตอบแบบบอกข้อดีไป เช่น คุณมีข้อเสียอย่างไร ก็ตอบไปว่า "บ้างานเกินไปจนไม่ได้นอน" 
  4. พูดถึงบริษัทเก่าในทางที่ดี
    • หลายๆครั้งการเปลี่ยนงานจะถูกถามเกี่ยวกับเรื่องที่เดิม ไม่ว่างจะเป็นทำไมถึงออกมา เกิดอะไรขึ้นการหลีกเลี่ยงสิ่งไม่ดีจะเป็นการดีมากๆ
  5. ถามคำถามดีๆ
    • ถามแต่คำถามที่ดูฉลาดๆ หลีกเลี่ยงการถามที่ไม่เหมาะสม เช่น เลิกงานกี่โมง เข้างานกี่โมง เพราะจะทำให้ดูเหมือนเป็นคนขี้เกียจ
    • ถามคำถามที่มองให้เห็นว่าเรามองอนาคตรวมกับที่บริษัท
  6. ตกลงเรื่องเงินเดือนและสวัสดิการให้เรียบร้อย
    • การคุยกันให้เรียบร้อยก่อนเริ่มทำงานจะเป็นการดีที่สุด 
    • การเรียกเงินเดือนนั้นควรเรียกให้เหมาะสมกับความสามารถของเรา

หางานอย่างไรดี

การทำงาน คือการขายแรงงานชนิดหนึ่งที่ประกอบไปด้วยความสามารถ ความรู้ และประสบการณ์ ให้แก่นายจ้างเพื่อนำไปดำเนินกิจการต่างๆของบริษัทให้เจริญรุ่งเรื่องต่อไป โดยที่จะต้องสามารถแสดงให้ผู้จ้างเห็นถึงศักยภาพของตนเอง พร้อมกับทัศนคติที่ดี ก่อนที่จะเริ่มต้นหางาน ควรเตรียมตัวดังนี้



1. รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง เราควรรู้อะไรบ้างล่ะ
- ความชอบส่วนตัว ชอบทำอะไร ทำงานอะไรก็ได้ที่เราชอบแล้วเราจะไม่ต้องทำงานอีกเลยตลอดชีวิต
- ความสามารถ ถนัดอะไร ไม่ถนัด คนเราไม่มีใครเก่งไปทุกด้าน
- นิสัย เหมาะกับงานแบบไหน ไม่ใช่เป็นคนขี้อายแล้วดันไปสมัครงานเป็นพิธีกร
- การศึกษา ตรงกับงานที่เปิดรับหรือไม่


2. เข้าถึงแหล่งข้อมูลในการสมัครงาน
- อินเตอร์เน็ต พวก job search ทั้งหลาย
- ประกาศรับสมัครงาน
- Job fair ทั้งที่จัดภายนอกและภายในมหาวิทยาลัย



3. รู้ข้อมูลงานที่จะไปสมัคร
- ข้อมูลบริษัท มีวัฒนธรรมภายในอย่างไร เหมาะกับเราหรือไม่ เงินเดือนให้เท่าไหร่ในแต่ละตำแหน่ง ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน สวัสดิการเป็นอย่างไร
- ข้อมูลตำแหน่งงาน มีหน้าที่รับผิดชอบอะไรบ้าง ลักษณะงาน เป็นอย่างไร เหมาะกับเราหรือไม่




วันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2556

ต่อรองเงินเดือน (6)

         ถ้าผู้จ้างไม่ยอมโอเคกับเงินเดือนที่คุณขอ และใช้วิธียือเวลาออกไปเรื่อยๆ เราจะแก้ปัญหายังไงดี มาดูกันเลย

  • กดดันด้วยเวลา
    • คนเราจะมีความยืดหยุดขึ้นเมื่่อถูกจำกัดเวลา เคสนี้มีสาเหตุมาจาก 
      • เลื่อนขั้นให้กับพนักงานที่เคยทำตำแหน่งนี้ แต่จะย้ายได้ต่อเมื่อมีคนมาแทน
      • หาคนมานานและยังไม่ได้
      • คนที่ทำอยู่ก่อนทำได้ไม่ดีนัก
    • บางคนจะยอมรับการให้เงินเดือนอีกคนต่อเมื่อทำใจได้แล้วว่าเค้าเหมาะกับเงินเดือนที่ได้จริงๆ
    • ถ้าเราพยายามต่อรองนานๆ เค้าอาจจะใจอ่อนยอมให้เพราะเสียเวลาให้คุณมานานแล้ว ถ้ายังไม่ได้อีกนี่ก็เสียเวลาใช่เหตุ
  • กดดันด้วยข้อมูล
    • หาคนมานานหรือยัง
      • ถ้านานเราย่อมมีโอกาสต่อรองได้มาก
    • คนก่อนหน้านี้เป็นอย่างไร
      • โดนไล่ออกหรือเลื่อนตำแหน่งไป
    • จำนวนผู้สมัคร
      • ยิ่งน้อยเรายิ่งมีโอกาส
    • สาเหตุที่ก่อนหน้านี้ไม่มีคนผ่าน
      • คุณสมบัติไม่ครบ
      • ความสามารถไม่ถึง
  • กดดันโดยแสดงว่าพร้อมที่จะไปที่อื่น

วันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2556

ต่อรองเงินเดือน (5)

จากโพสที่แล้ว  ได้นำเสนอถึงวิธีการไปคุยเพื่อขึ้นเงินเดือน

          คราวนี้เราจะมาดูกันว่า แล้วถ้าทางนั้นตอบปฏิเสธล่ะจะทำยังไงดี
ก็ต้องเตรียมข้อมูลว่าเราควรพูดอะไรออกไป ส่วนมากหัวข้อที่มักจะยกมาอ้างกันได้แก่


  • ปีนี้ผลประกอบการไม่ดี 
    • อันนี้ถ้าเรารู้กันอยู่ว่าไม่จริง (ยังจะพูดออกมาได้หนอ) ก็ลองเอาข้อมูลผลประกอบการมาถกกันตรงๆดู เช่น แต่ปีนี้เราปันผลหุ้นเยอะที่สุดทั้งแต่เปิดบริษัทมาเลยนะครับ เป็นต้น
  • ผลงานของคุณยังไม่ได้ตามเป้าที่ควรจะได้
    • เคสนี้คนฟังคงเหนื่อยใจ ทำงานแทบตาย โอทีก็ไม่ได้ งานก็ทำเกินความรับผิดชอบ ยังจะมาพูดว่าผลงานไม่ได้ตามเป้าอีก เคสนี้ต้องนี่เลย เตรียมไล่ว่าทำอะไรลงไปบ้างไว้เป็นข้อมูลมานั่งยันนอนยันกัน แต่ถ้าทำงานไม่ได้ตามเป้าจริงๆก็ควรหาเหตุผลมารอรับ เช่นให้งบมาไม่พอ ให้เวลามาน้อยเกินไปเป็นต้น

นอกจากเรื่องนี้แล้วระหว่างคุยกันนั้นก็ควรระวังเรื่อง


  • ประเด็นในการสนทนา ไม่ใช่คอยกังวลว่าหัวหน้าคิดยังไงอยู่
  • อย่าเอาคำพูดอีกฝ่ายมาคิดมากนัก ถ้าเค้าจะวิจารณ์ผลงานหรือวิธีการทำงานของคุณไม่ดี ก็ไม่ได้หมายความว่าเค้าว่าคุณไม่ดี
  • หัวเสียบ้างไม่เป็นไร แต่อย่างไรก็ตามทำแต่พองามไม่ใช่ถึงกับวีนแตก

ต่อรองเงินเดือน (4)


อยากขึ้นเงินเดือนจะคุยกับใครดี
           เมื่ออยากได้เงินเดือนขึ้นนั้น ควรเลือกคุยกับคนที่ทำได้เพียงแค่ปฏิเสธเรา เช่นเดียวกับการที่เราไปไปซุปเปอร์มาเก็ตแล้วขอให้พนักงานเก็บเงินลดราคาสินค้าให้ เพราะฉะนั้นอย่างแรกที่จะต้องคำนึงเลยก็คือ "คนที่จะไปคุยด้วยนั้นสามารถสามารถเพิ่มเงินเดือนให้คุณได้หรือไม่ หรือต้องส่งเรื่องให้คนอื่นก่อน" ถ้าเป็นข้อหลังก็ต้อง

  1. ข้ามไปคุยกับคนที่สูงกว่า
    • อันนี้อัตรายอาจส่งผลเสียต่อคุณ
  2. ขอคุยกับคนที่จะคุยพร้อมกับคนที่สูงกว่า
    • อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับนิสัยของหัวหน้าคุณ ถ้าเป็นคนกันเองๆก็ไม่น่ามีปัญหา แต่ถ้าไม่ก็อย่าได้ทำเลยเพราะนอกจากเงินเดือนจะไม่ขึ้นแล้ว เผลอๆคำแหน่งจะลดลงอีก
  3. พยายามทำให้คนนั้นเห็นควรว่าควรขึ้นเงินเดือนให้คุณ 
    • อันนี้น่าจะดีสุด คือให้หัวหน้าเห็นควรว่าควรขึ้นเงินเดือนคุณได้แล้ว ถ้าเกิดหัวหน้าคุณกล่าวอ้างถึงคนอื่นว่าต้องคนนั่นคนนี้อนุมัติก่อน ก็ควรลองเปรยไปประมาณว่า หัวน้าของคุณนั้นเป็นคนที่ได้รับการนับหน้าถือตา ถ้าหัวหน้าพูดกับคนเพิ่มเงินเดือนเลยน่าจะได้ทันที



วันอังคารที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556

ต่อรองเงินเดือน (3)

ผลประโยชน์ร่วมแบบ win win


        เคยไม๊ไปขอเพิ่มเงินเดือนจากเจ้านายแล้วเจ้านายก็ไม่ให้ ทั้งๆที่มันสมควรแก่เวลาแล้ว ทั้งๆที่ผลงานของเราก็เป็นที่ประจักษ์แกสายตานายเองแล้วก็ตาม แล้วทำอย่างไรดีล่ะ เงินเดือนก็อยากได้เพิ่ม แต่เค้าก็ไม่ให้ วันนี้ขอมานำเสนอวิธีว่าจะทำอย่างไร ถึงเพิ่มเงินเดือนได้กัน ปกตินายจ้างจะไม่เห็นค่าของบุคลากรเท่าใดนัก และก็คงคิดไม่ตกว่าจะเพิ่มเงินเดือนเพื่ออะไร แต่เค้าเหล่านั้นหารู้ไม่ว่าเราทำอะไรให้เค้าบ้างในแต่ละวัน เพราะฉะนั้นเราควรเตรียม

  1. แผนงานแสดงว่าปีหน้าจะทำอะไรบ้าง
  2. เราสามารถทำอะไรเพิ่มได้บ้างถ้าได้เลื่อนตำแหน่ง
  3. บริษัทจะได้อะไรจากการที่เราทำแผนนั้นๆ
  4. ลองเสนอว่าถ้าปีหน้าบริษัททำกำไรเพิ่มจากงานที่เราทำ ซึ่งแสดงว่าเรามีความมั่นใจว่างานที่ทำนั้นมีประสิทธิภาพจริงและได้ผลจริงๆ
  5. พยายามไม่กลัวหัวหน้า หรือกลัวผู้ที่เราจะไปต่อรองเงินเดือนด้วย
  6. อย่ากลัวว่าทำไปแล้วจะถูกลดตำแหน่งหรือดองไว้
  7. หาข้อมูลของบริษัทเพิ่มเติม



ต่อรองเงินเดือน (2)

         คราวที่แล้วได้เกริ่นไปแล้วว่าคอนเซปการต่อรองเงินเดือนเป็นยังไงที่นี้ เรามาดูว่าทางเลือกที่เรามีนั้นประกอบด้วยอะไรบ้าง

  1. เตรียมตัวลาออกถ้าไม่ได้ขึ้นเงินเดือนหรือไม่ได้รับเงินเดือนตามต้องการ 
    • เป็นวิธีการยอดนิยม แต่ก็เสี่ยงพอสมควร แต่ไหนๆคนเราก็เกิดมาบนความเสี่ยงแล้วก็ลองเสียงดูกันเถอะถ้าไม่ได้ขึ้นเงินเดือนจริงๆอีกก็ต้องมาดูถึงเหตุผลกันแล้วว่าเป็นเพราะอะไร อย่างไรก็ควรจะ win win ทั้งสองฝ่าย บริษัทอาจจะมีผลประกอบการณ์ที่แย่ในปีนั้นจนไม่สามารถขึ้นเงินเดือนให้เท่าที่คุณต้องการได้ อันนี้ก็ต้องให้อภัยกันหน่อย
  2. มีงานหรือผู้จ้างที่ใหม่รอไว้แล้ว
    • อันนี้ออกแนวเตรียมออกไปแล้วนะ จะจ่ายเพิ่มไม๊ ไม่จ่ายก็ไปล่ะไม่ง้อแล้ว เป็นทำให้เรามีทางเลือกมากขึ้น และอาจทำให้ผู้จ้างทั้งเก่าและใหม่แข่งกันกันต่อรองเงินเดือนก็เป็นได้ แต่อย่างพึ่งมองแต่การเพิ่มเงิน การเดินทาง งานที่ทำ บรรยากาศก็เป็นปัจจัยแห่งการทำงาน ถ้าได้งานที่เงินเดือนดี มีหน้ามีตาแต่ทำไปแล้วไม่มีความสุขก็ไม่ควรฝืนทำ
  3. เรามีความสามารถที่ผู้อื่นไม่มี
    • คนเก่งหาตัวจับยาก ทำงานได้ดี เร็ว ถูกต้อง สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี หรือมีความรู้เฉพาะทางที่คนในบริษัทไม่รู้ หรือไม่สามารถทำได้
  4. เราสามารถทำงานที่ผู้อื่นไม่สามารถทำได้
    • การที่เราสามารถทำงานที่คนอื่นไม่สามารถทำได้ ยิ่งเป็นเรื่องสำคัญเท่าไหร่ เราก็จะมีคุณค่ามากขึ้นเท่านั้น
  5. งานที่เราทำนั้นยากง่ายเพียงใด
    • ยิ่งเป็นงานที่คนส่วนมากทำไม่ได้ เช่นหมอผ่าตัดกับหมดรักษาโรคทั่วๆไป เราก็จะมีคุณค่ามากขึ้นเท่านั้น
  6. มีคนเป็นงานนั้นๆมากน้อยแค่ไหน
    • ยิ่งมีคนเป็นน้อย แต่ความต้องการมากเปรียบกับอุปสงค์ที่สูงแต่มีอุปทานตอนสนองต่ำ
สรุปได้ว่า

อำนาจของเรา = ทางเลือกที่มี + ความสามารถของเรา
อำนาจของผู้จ้าง = ทางเลือกที่มี + งานที่จะจ้างยากมากน้อยแค่ไหน

วันจันทร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2556

เคล็ดลับให้เค้าจ้างเรา

         หลายๆคนไปสมัครงานที่ไหนก็ตามก็ไม่ได้งานซักที เผลอบางที่ไม่แม้แต่จะเรียกสัมภาษณ์ด้วยซ้ำกัน เนื่องจากในปัจจุบันคนนั้นมีปริมาณเยแะกว่างานมาก อาจจะยกเว้นพวกหมอ วิศวกร โปรแกรมเมอร์ วันนี้เราจะมาดูกันวาาบริษัทมรเหณฑ์คัดเลือกอย่างไร


  1. จบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะคำนึงถึงเรื่องนี้ เนื่องจากการคัดเลือกมหาวิทยาลัยชั้นนำนั้นเราจะได้บุคคลากรที่มีคุณภาพ การที่สามารถเค้าไปได้และเรียนจบออกมาแสดงถึงว่าความสามารถนั้นมิใช่โชคหรืออะไรก็ตาม เนื่อจากการสอบเข้าไม่สามารถโกงได้ และบ่งบอกว่าเป็นคนที่มีความรับผิดชอบดี สามารถบริหารเวลาได้ดีกว่าคนอื่นๆที่อายุเท่ากัน
  2. จบตรงกับงานที่เปิดรับสมัคร คงต้องบอกกันตรงๆว่าถ้าคุณจบแพทย์้วไปสมัครบัญชี เก่งยังไงโอกาสได้งานก็น้อยกว่าคนจบตรงสายวันยังค่ำ
  3. ภาษาดี จากเทรน aec เราจะเห็นได้ว่า ภาษานั้นสำคัญมากเป็นอันดับต้นๆ เพราะเป็นหนทางในการติดต่อสื่อสาร ถ้าไม่สามารถพูดคุยกันได้งานย่อมไม่เกิด เพราะฉะนั้นถ้าใครมีความสามารถทางด้านภาษาดี ความสามารถเท่าๆกันกับอีกคน แต่ภาษาดีกว่า ย่อมมีโอกาสได้งานดีกว่า
  4. มีระเบียบวินัย คนที่ไม่มีระเบียนวินัยย่อมไม่สามารถทำงานสำคัญได้ เพราะไม่สามารถจัดลำดับความสำคัญของแต่ละงานได้
  5. ไหวพริบดี คนที่มีไหวพริบดีย่อมได้เปรียบ สามารถดูได้จากการพูดคุยตอนสัมภาษณ์
  6. เรียนรู้งานได้รวดเร็ว ประหยัดทั้งทรัพยากรและเวลา
  7. มีมนุษย์สัมพันธ์ดี  ประสานงานได้ดร็ว

วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2556

หางานแบบมืออาชีพ



เนื่องจากบริษัทส่วนใหญ่ มักจะรับคนที่มีประสบการณ์ที่เข้ามาร่วมงานมากกว่าจะรับนักศึกษาใหม่ที่ขาดประสบการณ์ ดังนั้น สิ่งที่นักศึกษาเพิ่งจบใหม่ควรทำ เมื่อจะไปสมัครงานตามบริษัทต่างๆ เพื่อให้ผู้ว่าจ้างพิจารณารับเข้าทำงาน มีดังนี้

1. การแต่งตัว
ในวันที่ไปสมัครงานไม่ควรแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษา แต่ควรแต่งกายด้วยเสื้อผ้าของคนทำงานเพื่อให้เราดูเป็นผู้ใหญ่ และ ดูน่าเชื่อถือ

2. อุปกรณ์สำหรับสมัครงาน
    เตียมของสำหรับมาสมัครงานให้พร้อม เช่น ปากกา ดินสอ ยางลบ กรรไกร ที่เย็บกระดาษ เพื่อให้นายจ้างรู้ว่าเรามีความรอบคอบ แม้ในเรื่องที่เล็กน้อย

3. เอกสารสำหรับสมัครงาน
    เตรียม  รูปถ่ายอย่างน้อย 2 รูป สำเนาบัตรประชาชนอย่างน้อย 2 ใบ สำเนาวุฒิการศึกษาอย่างน้อย 2 ใบ  สำเนาทะเบียนบ้านอย่างน้อย 2 ใบ ไปให้พร้อม ควรเตรียมจัดเป็นชุดไว้เลย เพื่อความสะดวกในการหยิบ

4. ทักษะที่จำเป็น
     ก่อนไปสมัครงาน ควรฝึกเรียนรู้ทักษะที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตการทำงานสมัยใหม่ให้คล่องพอตัว เช่น การใช้งานคอมพิวเตอร์แบบพื้นฐาน ,การใช้งาน internet ,การใช้งาน email

5. เรียนรู้การใช้เครื่องใช้สำนักงาน
     อย่างน้อยควรใช้ เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพริ้นเตอร์ เครื่องแฟกซ์ ได้ในระดับหนึ่งก่อนไปสมัครงาน อุปกรณ์พวกนี้ใช้ไม่ยาก เราอาจขอเรียนรู้จากบริษัทที่ถ่ายเอกสาร แค่ดูๆ และ ถามเพื่อให้ทราบบ้าง ไม่จำเป็นต้องใช้คล่อง เพียงแต่ให้รู้บ้าง ก็นับว่าเราได้เปรียบในเรื่องนี้แล้ว

6. แสดงความมั่นใจและมุ่งมั่น
    แสดงให้ผู้ว่าจ้างเห็นว่าเราต้องการเข้ามาทำงานกับบริษัทนี้ เป็นอย่างมาก ไม่มีใครอยากได้พนักงานที่เรื่อยเฉื่อย หรือ ไม่แสดงความกระตือรือร้น เพราะฉนั้น ถ้าอยากได้งาน ก็อย่าแสดงอาการไม่สนใจ หรือ เฉยเมยจนเกินไป

7. ทำตัวเป็นคนปัญหาน้อย
    เงื่อนไขต่างๆมันมีบางอย่างที่เราไม่ชอบ เช่นในเรื่อง เงินเดือน วันหยุด หน้าที่ความรับผิดชอบ สถานที่ทำงาน การทำงานล่วงเวลา รวมถึงการเดินทาง เพราะเรายังขาดประสบการณ์ในการทำงาน ดังนั้นจึงไม่ควรมีปัญหาในเรื่องเหล่านี้กับบริษัท เพราะ ทางที่ดีเราควรหาความรู้ตั่งแต่ก่อนมาสัมภาษณ์ ถ้าเราไม่สะดวกในเรื่องใด เราก็ควรไม่รับนัดสัมภาษณ์ตั้งแต่แรก เพื่อเป็นการไม่ทำให้บริษัทเขาเสียเวลาในการสัมภาษณ์เราด้วย เป็นต้น

8. ความรู้ด้านภาษา
    เตรียมความรู้ด้านคำศัพท์ด้านการสมัครงานให้คล่อง เพื่อให้เราสามารถกรอกใบสมัครงานที่เป็นภาษาอังกฤษได้ และ จุดนี้อาจทำให้นายจ้างเห็นว่า เรามีความสามารถที่จะทำงานในตำแหน่งที่เขาเปิดรับสมัครได้นั่นเอง ไว้คราวหน้าจะมาแนะนำศัพท์ที่เกี่ยวกับการสมัครงานอีกที

9. ขณะสัมภาษณ์งาน
    ควรใจเย็น ไม่ตื่นเต้น เตรียมตัวตอบคำถามมาล่วงหน้า เตรียมรับมือกับข้อดีข้อเสียของตัวเอง เวลาถูกถาม




วันศุกร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2556

ต่อรองเงินเดือน (1)


อำนาจมาจากไหน

           หลายๆคนเวลาหางานก็อยากรู้ว่าเอแล้วจะทำยังไงถึงได้เงินเดือนที่ดีที่สุด วันนี้ขอมานำเสนอการหาเงินดังนี้
           กฏข้อแรกที่ทุกท่านควรจดจำไว้ไม่ว่าจะเป็นการต่อรองเรื่องอะไรก็ตาม อำนาจจะมากหรือน้อยนั้นมาจาก "ทางเลือกที่มีเปรียบเทียบกับคู่ต่อรอง"  เพราะฉะนั้นสามารถสรุปได้ง่ายๆว่า คุณจะมีค่ามากน้อยเพียงใดนั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้จ้างสามารถหาคนมาแทนคุณได้ยากขนาดไหน เงินเดือนของคุณจะมากจะน้อยนั้นก็ขึ้นอยู่กับอำนาจของคุณเช่นกัน แบ่งตามความสามารถของบุคคลนั้นๆหรือในปัจจุบันที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากมายในการกระทำการใดๆนั้น ทำให้อำนาจของหลายๆคนเปลี่ยนไป  เช่น

  • หมอรักษาคนไข้ธรรมดา กับ หมอรักษาโรคเฉพาะทาง
  • ยามกับกล้องวงจรปิดที่ฉลาดขึ้นเรื่อยๆ
  • กระเป๋ารถเมล์กับเครื่องเก็บเงินอัตโนมัติ
  • พนักงานต้อนรับของโรงแรมที่สามารถจัดการลูกค้าที่มีปัญหากับพนักงานต้อนรับธรรมดา
  • โปรแกรมเมอร์ที่เขียนได้ 10 ภาษาอย่างยอดเยี่ยมกับโปรแกรมเมอร์ที่เขียนได้เพียงภาษาเดียว
  • นักร้องที่มีชื่อเสียง กับนักร้องโนเนมที่มีเสียงดีกว่า
  • แม่บ้านที่คุ้นเคยประวัติดี กับแม่บ้านที่มีประวัติไม่ดี

         อย่างไรก็ตามเราก็ควรคำนึงถึงเรื่องอื่นๆ เช่นการเดินทาง สภาพแวดล้อมการทำงาน ความชอบงานที่จะทำ ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะกลายเป็นว่าคุณไปทำงานโดยไม่มีความสุข ซึ่งจะทำให้ผลงานออกมาไม่ดี อย่างที่ สตีฟจ๊อบได้กล่าวไว้ว่า "เลือกงานที่คุณรักแล้วคุณจะไม่ต้องทำงานไปตลอดชีวิต" เพราะฉะนั้นอย่าลืมเลือกงานที่ชอบด้วย อย่ามั่วแต่อยากได้รายได้ดีๆแต่ทำงานไปแล้วไม่มีความสุข

หรือสรุปความได้ว่า
       การต่อรองเงินเดือนนั้นส่วนมากถ้าไปสมัครงานนั้น ถ้าเรามีดีมีเด่นซักเรื่อง การต่อรองเงินเดือนนั้นก็ไม่ได้ยากอะไร วิธีก็ง่ายๆ ลดทางเลือกของผู้จ้างลงไป เพิ่มทางเลือกของตนเองขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นบทพูดสำหรับต่อรองเงินเดือนที่ได้ผล (แต่คุณต้องเก่งด้วยนะ) เดี๋ยวคราวหน้าจะมาแนะนำบทพูดสำหรับเตรียมของเงินเดือนกันต่อไป
          

สัมภาษณ์งาน CP CPALL (2)


         Dynamic Logistics อยู่ที่อาคาร CP ALL อธิบายง่ายๆเป็นบริษัทที่ support การทำงานของ 7-11 นั่นเอง รอบไปสัมภาษณ์งานตำแหน่งเกี่ยวกับการออกแบบ database  การสอบแบ่งเป็น

  1. การสอบ Altitude
  2. การสอบ iq test
  3. การสอบคอมพิวเตอร์ อันนี้สอบการเขียนแบบ flow program แบบง่ายๆ ทำแป็ปๆก็เสร็จ

      การทำงานของที่นี่ได้แอบดูระหว่างรอทำข้อสอบกับสัมภาษณ์นั้น บรรยากาศเป็นกันเองพอสมควร ดูไม่ออกว่าใครหัวน้าใครลูกน้อง โต๊ะทำงานนั่งสบายดี (เพราะได้นั่งตอนทำแบบทดสอบ) แต่เท่าที่มองไม่ค่อยเห็นคนเท่าไหร่สงสัยออกไปทำงานข้างนอกกันหมด ห้องประชุมเรียงรายอยู่รอบๆส่วนพื่นที่ทำงาน แสดงว่ามีการคุยงานเป็นกลุ่มๆบ่อยมากๆ เพราะฉะนั้นเค้าคงต้องการคนประเภททำงานเป็นทีมได้ดีพอสมควร ส่วนการแต่งกายมาทำงานนั้นดูสบายๆกัน
      


วันพุธที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2556

สัมภาษณ์งาน CP CPALL

              ไม่นานมานี้ได้ข้อมูลการสมัครงานกับเครื่อ  CPALL  จึงขอนำเรื่องราวมาฝาก
 การสมัครงานที่ gosoft และ Dynamic Logistics 

              gosoft นั้นอยู่ที่อาคาร อาคารซี.พี.ทาวเวอร์ แถวๆสีลม การเดินทางไม่ยากอะไร ไปได้ทั้ง BTS ลงสถานีศาลาแดง และ MRT สีลม บริษัทอยู่ชั้นที่ 26 ชั้นล่างมีของขายกันพอสมควร ตอนแรกไม่รู้คิดว่าเข้าตึกผิด นึกว่าเป็นห้างกันเลยทีเดียว บริษัทนี้หรูดี พอไปถึงพี่เค้าก็พาไปนั่งรอที่โต๊ะทำงานขอคนที่ไม่อยู่ (ได้ข้อมูลมาว่าไปอบรมกัน) ระหว่างรอมองไปรอบๆ ที่นี่บรรยากาศโอเค ทำงานไปเรื่อยๆ โต๊ะนั่งเข้าหากัน  แบบเป็นทีมๆ  เมื่อถึงเวลาก็ได้การสอบแบบออกเป็น

  1. Altitude Test อันนี้วัดลักษณะนิสัย ก็ตอบตามความเป็นจริงไป ไม่ควรโกหก ใส่ข้อมูลเท็จเพราะแบบทดสอบสามารถรู้ได้
  2. IQ Test อันนี้วัดไอคิว ลองทดสอบซ้อมมือก่อนได้ ที่นี่
  3. Computer Test ข้อสอบวัดความรู้คอมพิวเตอร์ ยากปานกลาง ออกกว้างๆ
  4. สัมภาษณ์โดยพี่หัวหน้าทีม อันนี้จะถูกเรียกไปคุยทีละคนๆ ถามว่าทำอะไรได้บ้าง อยากทำงานแบบไหน พี่ที่สัมภาษณ์ใจดีมากๆ
คำแนะนำในการไปสัมภาษณ์งาน เนื่องจากการสอบกินระยะเวลานาน และต้องรอกันซักพักใหญ่ๆ ควรหาหนังสือไปนั่งอ่านระหว่างรอ (ถ้าอ่านจบแล้วพี่เค้าจะแนะนำให้อ่านหนังสือของบริษัทได้) ด้าน iq test นั้นควรซ้อมทำตามเว็บข้างต้นที่ได้แนะนำไป คอมพิวเตอร์ควรอ่านเกี่ยวกับ basic programming ,database ไปมากๆ เพราะเน้นออกพวกนี้

การสมัคงานกับ gosoft นั้นสามารถไปที่เว็บไซต์หลักของ gosoft  หรือ ไปที่เว็บไซต์ jobant ก็ได้

   
              ส่วน Dynamic Logistics  นั้นจะขอเป็นโพสต่อไปแล้วกัน

วันอังคารที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2556

Attitude


หลังจากคราวก่อนเราได้แนะนำวิธีการเขียน resume และตัวอย่างกันไปแล้ว แต่หลายๆคนอาจจะสงสัยว่า แล้วการแนะนำตัวเองหรือการเขียนนิสัยส่วนตัวเป็นภาษาอังกฤษนั้นเขียนอย่างไรกันบ้าง วันนี้จึงขอยกตัวอย่างคำศัพท์เกี่ยวกัน Attitude ซึ่งผู้รับสัมภาษณ์งานนั้นมักอ่านและลองถามๆผู้มาสมัครงานนั้น เราเสนอตัวอย่างให้ดังนี้
         
Ambitious                                         ยะเยอทะยาน        
Analytical                                         มีความสามารถในการวิเคราะห์
Articulate                                          มีความสามารถในการประติดประต่อเรื่องราว
Artistic                                                        หัวศิลป์
Calm                                                 สงบเสงี่ยม
Careful                                                       รอบคอบ
Common sense user                                มีสัญชาติญาณ
Competitive                                               ชอบการแข่งขัน
Compromising / Tolerant                                   ประนีประนอม
Considerate / Sympathetic                      ใส่ใจผู้อื่น   
Can delegate responsibilities to others            สามารถมองหน้าที่หรืองานให้ผู้อื่นได้
Consistent                                        เสมอต้นเสมอปลาย                                               
Contemporary                                           ทันสมัย
Cooperative                                              ร่วมมือ        
Can set priorities                                                 สามารถจัดลำดับความสำคัญของงานได้ดี
Deferential / Respect other people                   ที่น่าเคารพนับถือ
Detail-oriented                                          เก็บรายละเอียด    
Determined / Devoted                              อุทิศตน       
Diplomatic                                        มีชั้นเชิง
Disciplined                                       มีวินัย
taking challenges                                      ชอบงานท้าทาย
working under pressure                                     ทำงานภายใต้แรงกดดันได้ดี     
Self-motivated                                           พัฒนาตนเอง
Ethical                                                        มีจริยธรรม
Expert in my job field                                เชี่ยวชาญในสาชางานที่ทำ      
Fair                                                   แฟร์
Fast learner                                               หัวไว
Flexible                                                      ยืดหยุ่น
Frank / Open                                             เปิดเผย       
Friendly                                                      เป็นมิตร                                  
Get things done                                        รับผิดชอบในงานที่ทำจนถึงที่สุด
Good Looking                                           ดูดี
Good at coordinate and following up assignment     ประสานงานเก่ง
Good at directing projects                       บริหารโครงการได้
Good at heart                                            จิตใจดี
Good at identifying the issues                           หาปัญหาเก่ง
Good at time management                      บริหารเวลาได้ดี
Good consultant                                       เป็นที่ปรึกษาได้ดี
Good judgment                                         ตัดสินใจได้ดี        
Good leadership skills                              สามารถเป็นผู้นำได้ดี
Good listener                                            เป็นผู้ฟังที่ดี
Good negotiator                                        สามารถจัดการความขัดแย้งได้ดี        
Good presentation skills                                    สามารถนำเสนองานได้ดี
Good sense of color                                 มีทักษะเรื่องสี       
Good sense of humor                              มีอารมณ์ขัน 
Hard-working / Diligent                                      ขยัน 
Having connection / Networking                       รู้จักคนมาก 
Helpful                                                       ชอบช่วยเหลือผู้อื่น 
High self-improvement                                       สามารถพัฒนาการในตนเองได้อย่างดี
Honest / Having Integrity                                   ซื่อสัตย์
Humble                                                      อ่อนน้อม 
Independent                                              เป็นตัวของตัวเอง 
Influential / Good motivator                      มีอิทธิพลต่อผู้อื่น   
Initiative / Creative                                    มีความคิดสร้างสรรค์
Innovative                                        เป็นนักบุกเบิก
Intelligent                                          ชอบไต่สวนหาสาเหตุของปัญหา
Interpersonal skill                                      มนุษย์สัมพันธ์ดี
Investigative                                              ชอบหาสาเหตุของปัญหา 
Knowledgeable                                         รอบรู้
Love to explore                                         ชอบค้นคว้า
Loyal                                                          จงรักภัคดี
Make everything possible                                 ทำให้ทุกอย่างเป็นไปได
Motivated                                         กระตือรือร้น
Never give up                                           ไม่เคยล้มเลิกความตั้งใจ
Open to suggestion                                  รับฟังความคิดเห็นของคนอื่น
Organized / Systematic                                     ทำงานเป็นระบบ
Patient                                                       อดทน
Perfectionism                                            ชอบความสมบูรณ์แบบ
Pleasant personality                                 บุคลิกดี
Positive (thinker) / Optimistic                             มองโลกในแง่ดี
Principled (thinker)                                    มีหลักการ
Professional and well mannered                      มืออาชีพ
Punctual                                           ตรงต่อเวลา
Rational and unemotional                        เหตุผลอยู่เหนืออารมณ์
Responsible                                              รับผิดชอบ
Result-oriented                                         เน้นผลของงาน
Risk taker                                         ชอบเสี่ยง/ผจญภัย
Role conscious                                         รู้จักบทบาทหน้าที่
Routine oriented                                       ไม่รู้สึกจำเจกับงานประจำ
Searching for excellence                                   เสาะหาความเป็นเลิศในผลงาน
Sense of survival                                                เอาตัวรอด
Service-minded                                        รักการบริการ
Skillful at applying knowledge                           นำความรู้มาปรับใช้ได้ดี
Skillful at evaluating                                  เก่งในการประเมินผล
Skillful at implementing plans                            เก่งในการนำแผนมาปฏิบัติ
Skillful at managing people                      เก่งในการบริหารคน
Skillful at mathematics                             เก่งในการคำนวณ
Skillful at planning                                     เก่งในการวางแผน
Skillful at supervising and controlling                เก่งในการควบคุมดูแล
Sociable / Extroverted                             ชอบเข้าสังคม
Sophisticated/Intelligent                                     ฉลาดอย่างทันสมัย
Strategic thinker                                        เป็นนักคิดในเชิงกลยุทธ์
Team builder                                             เก่งในการสร้างทีม
Trouble shooter / Resourceful                           รับมือได้กับทุกปัญหา
Trustworthy / Reliable                              เชื่อถือได้
Visionary                                          มีวิสัยทัศน์
Willing to take on new challenges                     เสาะหาความท้าทายใหม่ๆ
Winning Attitude                                        มุ่งสร้างชัยชนะ