ใกล้จบแล้วหางานหรือเรียนต่อดี?
หลายๆคนพอปีสี่เทอมสองก็เริ่มรู้สึกว่าต้องตัดสินใจในชีวิตอีกครั้งหนึ่ง จะเรียนต่อดี จะหางานดี หรือจะไม่ทำอะไรเลยดี(เอ๊ยไม่ได้ๆ)
หลายๆคณะจะเริ่มเป็นช่วงทำโปรเจคจบกันอย่างแข็งขัน มีทั้งวิจัย ทำการทดลอง
แล้วแต่คณะที่เรียน
สำหรับคนที่คิดจะหางานทำ ปีสี่เทอมสองนี้จะเริ่มมีแมวมองจากหลายๆบริษัทมาเปิด
boot รับสมัครบ้างอะไรบ้างเป็นระยะๆ
ต้องเตรียมภาษาอังกฤษหรือถ้าจะให้ดีก็ภาษาที่สามกันไปเลย ช่วงนี้โรงเรียนสอนภาษาก็จะฟีเวอร์เป็นพิเศษกว่าปกติ
บริษัทใหญ่ๆจะขอ TOEIC อย่างน้อย 550+ แต่พวกสอบแอร์อะไรเทือกนี้จะขอไว้ที่ 600+
แต่เอาเข้าจริงคนไทยเราเก่ง คะแนนของพวกที่จะเข้าบริษัทใหญ่ๆนั้น 650-990
กันทั้งนั้น(ไม่ต้องแอบคิดว่า 990นี่มันเต็มนะเฮ้ย ก็คนได้เต็มเยอะอยู่นะ) แต่เนื่องจากภาษามันไม่ใช่อะไรที่เรียนไม่นานแล้วทำได้ดี
เพราะมันเป็นอะไรที่เกิดจากการสั่งสม เพราะฉะนั้นถ้าคิดว่าอยากหางานดีๆ
หรือได้ค่าภาษาเพิ่ม(+500-5000 บาท) ก็จงเตรียมตัวไว้ซะนะจ๊ะ
ส่วนคนที่คิดว่าจะเรียนต่อ
อย่างแรกสำหรับหลายๆคณะ เช่น วิศวกรรมศาสตร์ เป็นต้น โปรเจคจบคุณต้องทำดีๆ ถึงดีเลิศ
เพื่อเป็นโปรไฟล์ในการศึกษาต่อ เพราะอ.ที่ทำการคัดเลือกนั้น ย่อมอยากได้คนที่ชอบทำงานวิจัยเข้ามาศึกษากับตรเอง จะได้ช่วยกันพัฒนาโครงงานดีๆต่อไป เป็นผลงานตั้งกับตัวเองและประเทศชาติ ยิ่งถ้าคุณจะไปต่อต่างประเทศหรืออินเตอร์ในบ้านเรา
ภาษาก็จำเป็นไม่ใช่น้อย TOEFL , IELTS
ทั้งหลายต้องทำคะแนนให้ดีถึงดีมาก การสอบแต่ละครั้งก็ไม่ใช่ถูกๆ
แล้วแต่ค่าเงินในขณะนั้น ส่วนมากจะอยู่ที่ห้าพันบาทถึงเจ็ดพัน คะแนนควรได้อยู่ระหว่าง 550 ,6.5 ซึ่งจะสามารถผ่านเกณฑ์ของมหาวิทยาลัยชั้นนำได้สบายๆ
การสัมภาษณ์เข้าเรียนต่อในระดับปริญญาโทหรือเอก ส่วนมากจะดูความพร้อมของผู้เรียนเป็นหลักว่าสามารถทำงานไปและมาเรียนได้หรือไม่ ถ้าจบมาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรนักที่จะเข้าเรียนต่อ ส่วนคนที่ไม่ได้จบที่ดีๆมาก็ควรจะหาข้อดีของตนเองไปนำเสนอให้ผู้สัมภาษณ์สนใจ
การสัมภาษณ์เข้าเรียนต่อในระดับปริญญาโทหรือเอก ส่วนมากจะดูความพร้อมของผู้เรียนเป็นหลักว่าสามารถทำงานไปและมาเรียนได้หรือไม่ ถ้าจบมาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรนักที่จะเข้าเรียนต่อ ส่วนคนที่ไม่ได้จบที่ดีๆมาก็ควรจะหาข้อดีของตนเองไปนำเสนอให้ผู้สัมภาษณ์สนใจ
toeic 550 + น่ากลัว
ตอบลบ